วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ความเปลี่ยนแปลงตอนเด็กกับตอนโต มันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน

12

คืนชีพให้วัตถุดิบ : ผัก 11 ชนิดที่ทานแล้วไม่ต้องทิ้ง เพราะนำมาปลูกใหม่ได้!!

11-revivable-vegetables-6

ผักต่างๆที่เราซื้อมาทำอาหาร จะมีส่วนที่ใช้ไม่ได้นั่นก็คือ “ส่วนราก” นั่นเอง และสิ่งที่เราทำเป็นประจำก็คือทิ้งมันลงถังขยะ
แต่จริงๆแล้วเราสามารถนำมันไปปลูกใหม่ ให้งอกเป็นผลผลิตเพื่อเก็บไว้ใช้ต่อไป วันนี้ในบ้านมีตัวอย่างผักต่างๆ ที่เราสามารถคืนชีพให้กับมันได้ ลองไปชมกันเลยดีกว่า!!

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ทำง่าย!! ไอศกรีมกล้วยหอม ใช้ส่วนผสมแค่กล้วยอย่างเดียวเท่านั้น



banana-ice-cream-recipe-10.jpg


อากาศบ้านเรา ร้อนๆหนาวๆ แต่ช่องนี้เป็นช่วงของหน้าร้อน อยากหาอะไรทำง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก แถมยังแก้ร้อนได้ด้วย นั่นคือ ไอศครีมกล้อยหอม นั่นเอง เพียงแค่มีกล้วยหอม 2-3ลุก ก็สามารถทำเป็นไอติมได้แล้วนะ 
ไปดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลย

5 สิ่งที่อย่านำเข้าไมโครเวฟ เด็ดขาด!!




ไมโครเวฟเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ช่วยทำให้เราสะดวกสบายขึ้นก็จริง แต่ก็ควรใช้ให้ถูกวิธี เพราะถ้าหากใช้แล้วส่งผลให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บกับร่างกาย มันก็จะเหมือนดาบสองคม ดังนั้นเราควรหาความรู้เกี่ยวกับข้อจำกัดในการใช้ไมโครเวฟมาทำความเข้าใจบ้าง และนี่คือ 5 สิ่งต้องห้ามที่ควรจำขึ้นใจว่าไม่ควรนำเข้าไมโครเวฟเด็ดขาด

10649572_502519009883474_3691009589780748125_n.png


โรงแรมที่ดีที่สุดในโอควิลล์,ออนแทริโอ แคนนาดา

Country Inn Hotel
               
         
       
         นี่คือหนึ่งในโรงแรมที่ดีที่สุดในงบประมาณOakville แต่ก็มีการจัดอันดับออนไลน์ที่ดีมากและแวะเวียนเข้า เสมอโดยนักเดินทางและนักท่องเที่ยวเนื่องจากราคาห้องพักต่ำพนักงานที่นี่มีการดูแลที่ดีและรอบคอบและนี่คือสิ่งที่น่าจะสร้างความ

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

6 เรื่องชวนคิด...

เรื่องที่ 1
หนูตัวหนึ่งตกลงไปในถังข้าวสารอย่างไม่คาดคิด มันดีใจมาก มันคิดว่ามันโชคดี จึงกินข้าวสารนั้นอย่างอิ่มหมีพีมัน กินแล้วก็นอน นอนแล้วก็กิน เป็นอยู่อย่างนี้หลายวัน...วันแห่งความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ...วันหนึ่งตอนที่มันกินจนเห็นพื้นของถังข้าวสาร มันเริ่มฉุกใจคิด แต่ข้าวสารในถังก็เป็นสิ่งที่ยั่วยวนเหลือเกิน มันกินจนข้าวสารในถังหมดไป...ถึงตอนนี้มันถึงรู้ว่า การปีนออกจากถังเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป
@ การใช้ชีวิตของเราดูเหมือนปกติธรรมดา แต่แท้ที่จริงแล้ว มันเต็มไปด้วยกับดักและหลุมพรางที่แสนอันตราย
เรื่องที่ 2

3 เทคนิค สำหรับการจับอารมณ์และ ความสัมพันธ์กันในภาพบุคคลแนวครอบครัว


เราเคยได้ยินคำว่า “โอเคทุกคน มองที่กล้องนะ นับ 1 2 3 แล้วยิ้ม” กันบ่อย ฉันเคยใช้เทคนิคนี้ด้วยตอนที่ฉันเริ่มเป็นช่างภาพถ่ายครอบครัวใหม่ๆ  ตอนฉันกลับบ้านมาเห็นรูปแล้วแทบจะอยากเตะตัวเองเลย ภาพนั้นเป็นภาพที่ดาษๆ มาก ขาดอารมณ์ และ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
Capturing Conenctions in Family Portraits Article for DPS by Memorable Jaunts 01
หลังจากเวลาผ่านไป รูปแบบการถ่ายภาพของฉันก็เปลี่ยนไป ได้พัฒนากขึ้น และได้ใช้เวลาศึกษาอยู่นานพอสมควร และมีความพยายามให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายก่อน ระหว่าง และหลัง การถ่าย ผลลัพธ์คือ ภาพดูสนุก สด และเต็มไปด้วยอารมณ์ และลูกค้าก็ชอบ พร้อมชมว่า มันสนุกมาก, ขอบคุณที่ทำให้มันง่ายมาก ในฐานะที่ฉันเป็นช่างภาพ ฉันไม่ได้มีความสุขกับการถ่ายลูกค้าของฉันอย่างเดียว พวกเขาก็มีความสุขด้วย
Capturing Conenctions in Family Portraits Article for DPS by Memorable Jaunts 02
งานช่างภาพฉันคิดว่าไม่ใช่แค่ ถ่ายได้ดี มีความหมาย และภาพสวย แต่ช่วงถ่ายต้องเป็นช่วงเวลาที่ดี และทั้งสองฝ่ายก็รู้สึกดีไปกับมัน วันนี้ Karthika Gupta จะมาบอกเทคนิคว่าจะจับอารมณ์ในภาพได้อย่างไร

1) เข้าใจพื้นฐานครอบครัวนั้นๆ
มันเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ มี่จะทำความเข้าใจครอบครัวนั้นๆก่อนที่จะถ่ายรูป มันมากกว่ารู้ ชื่อ อายุ และลูกกี่คน ต้องพยายามทำความเข้าใจว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร ถ้าครอบครัวนั้นมีเด็กก็ต้องเข้าใจลักษณะของเด็ก ต้องดูว่าเป็นครอบครัวเป็นเรียบง่าย หรือออกแนวเป็นทางการ และรับฟังในสิ่งที่พวกเขาต้องการ
Capturing Conenctions in Family Portraits Article for DPS by Memorable Jaunts 03
ครอบครัวนี้มีลูกสนุขตัวใหม่ที่เปรียบเสมือนลูกคนที่สองของเขา ฉันก็เลยจับสุนัขใส่เข้าไปในแทบทุกภาพ
Capturing Conenctions in Family Portraits Article for DPS by Memorable Jaunts 04
เมื่อเจอครอบครัวใหญ่ๆ ไม่จำเป็นต้องกังวล คุณแค่บอกให้พวกเขาทำอะไรซักอย่าง
2) โครงสร้างการถ่าย
เชื่อฉันเถอะ ว่านี่เป็นกุญแจสำคัญ และจะทำให้คุณรักษาสภาพจิตใจของคุณได้ระหว่างการถ่าย คือการวางแผน ฉันจะใช้เวลาหานาทีแรกของทุกๆ เซสชั่น ในการบอกลูกค้าว่าฉันจะทำอะไรบ้าง และภาพจะออกมาแนวไหน  และช่วงเวลาแรกแรกก็จะเป็นการซ้อม ทดสอบแสง หาเลนส์ที่เหมาะ ฉันก็จะทำให้ลูกค้ารู้ว่าตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนไหน และเกิดอะไรขึ้น  ฉันได้รูปสวยๆ ระหว่างนี้ เยอะเพราะ ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลาย เพราะพวกเขาคิดว่ามันเป็นการซ้อม
จากนั้นเราก็ทำกิจกรรมเช่น เดินไปตามทาง ปีนต้นไม้ เล่นในสวน ฉันก็จะถ่ายรูประหว่างนั้น สุดท้ายเราก็นั่งลงและพูดคุยกัน สนุกด้วยกัน มันไม่ใช่แค่ให้ลูกค้ารู้ว่าเราทำอะไรไปบ้าง แต่เป็นการที่เราสามารถดูเวลาด้วยเพราะ เมื่อเรากดชัตเตอร์อยู่นั้น เราส่วนใหญ่จะลืมเรื่องเวลาไปเลย
Capturing Conenctions in Family Portraits Article for DPS by Memorable Jaunts 05
บทสนทนาง่ายๆ ทำให้ได้ผลลัพธ์จังหวะที่น่าสนใจเหมือนกัน
Capturing Conenctions in Family Portraits Article for DPS by Memorable Jaunts 06
บางครั้งแค่ใช้มือเชื่อมต่อกับคนข้างๆ ก็ทำให้รู้สึกถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวเช่นกัน
3) ทำให้มันเป็นเรื่องสนุก
นี่เป็นส่วนที่สำคัญในการถ่ายภาพความสัมพันธ์ในครอบครัว สำหรับครอบครัวที่มีเด็ก อาจใช้เทคนิค จักจี้ , เป่าฟองอากาศ หรือทำให้เขาสนุก หาก โตขึ้นมาหน่อยก็อาจหาเรื่องตลกๆ เล่าให้ฟัง หรือหาของเล่นมาให้เด็กเล่น เราก็ถ่ายในช่วงที่เขาเล่นหรือทำกิจกรรม ตอนที่ครอบครัวมีปฏิสัมพันธ์กัน แต่ถ้ามันไม่ได้ผล คุณก็อาจต้อง เซ็ตท่าโพส และหาช่วงเวลาที่ดีในการถ่าย
Capturing Conenctions in Family Portraits Article for DPS by Memorable Jaunts 07
Capturing Conenctions in Family Portraits Article for DPS by Memorable Jaunts 08
เจ้าสาว เพื่อนเจ้าสาว และท่าโพส catwalk ทำให้เกิดภาพสนุกๆขึ้นมาได้
จำไว้ว่าครอบครัวนั้นเล่นด้วยกัน และอยู่ด้วยกัน หน้าที่ของคุณคือ ถ่ายภาพความสัมพันธ์ในครอบครัวมา ในรูปแบบความสนุก และ เป็นที่ชื่นชอบ ถ้าลูกค้ารู้สึกดีในระหว่างที่ถ่ายไปด้วย ส่วนมากเขาก็จะชอบภาพเพราะเขาจำได้ถึงประสปการณ์ดีๆเหล่านั้น
credits: Karthika Gupta | dps

10 เทคนิค การถ่ายรูปขายออนไลน์ จากช่างภาพ Stock มืออาชีพ

ในปัจจุบันช่างภาพไทยหลายคนนิยมขายภาพตัวเองผ่านอินเตอร์เน็ต บางคนก็ขายดิบขายดี แต่บางคนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมรูปเราขายไม่ออก วันนี้มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากช่างภาพ microstock มืออาชีพ Cristian Negroni มาฝากกัน
microstock_1
1) ศิลปะ และการค้า การถ่ายรูปเป็นศิลปะ แต่ถ้าพูดถึงการถ่าย Stock Photo  บางครั้งเราก็ควรจะเลือกที่มันนำไปใช้ทางการค้าได้
ถ้าจะอธิบายให้ละเอียดคือ ช่างภาพหลายคนชอบที่ถ่ายผู้หญิงสวยๆในท่าโพสแบบแฟชั่น เพราะมันดูอาร์ต แต่ในการถ่าย Stock การถ่าย ท่าธรรมดาหรือที่เกิดขึ้นบ่อยในชีวิตประจำวัน จะขายได้มากกว่า เพราะ นำไปใช้ได้มากกว่า แบบแฟชั่น
2) ทำตัวเหมือนกระจก กระจกไม่ได้ยึดติดกับสิ่งได้ที่ผ่านเข้ามา และไม่ได้ปฏิเสธสิ่งอื่นๆเช่นกัน ฉันใดก็ฉันนั้น การถ่ายภาพเราสามารถยิดหยุ่นได้ ไม่จำเป็นต้องเลือกประเภทว่าต้องถ่ายสิ่งใดสิ่งหนึ่งประเภทเดียว ยิ่งหลากหลายประเภทก็ยิ่งหลากหลายกลุ่มลูกค้า หรือผู้ติดตาม มันหมายถึงคุณมีโอกาสที่จะขายรูปของคุณได้มากขึ้น
microstock_23) เรียบง่าย ในการถ่าย Stock ความเรียบง่ายคือกุญแจสำคัญ อย่าใส่อะไรที่รบกวนในภาพหรือดึงดูความสนใจจากความหมายที่จะสื่อ ภาพต้องเข้าใจง่ายๆ ความหมายตรงๆ เลือกพื้นหลังที่เรียบง่าย
4) คิดอย่างลูกค้า พยายามจินตนาการว่าทำไมลูกค้าต้องซื้อรูปของเรา เขาเอาไปใช้อะไร
microstock_3
5) ใส่ใจเรื่องเทคนิค สิ่งที่ควรชัดจะต้องชัด 100% อย่าให้มี Noise หลีกเลี่ยงเงาแข็ง
6) หามุมที่แตกต่าง ถ้าคุณก๊อปมุมที่มีอยู่เกลื่อนแล้วในตลาด โอกาสจะขายได้ก็จะน้อยลง แต่ถ้าคุณเสนอ ข้อความเดียวกัน แต่มุมมองที่ต่างกัน คุณก็มีโอากาสมากขึ้น
microstock_4
7) ศึกษาเรื่องการแต่งภาพให้ดี การถ่ายรูปออกมาดี เป็นเรื่องที่ดีแต่อาจไม่พอ คุณต้องมีทักษะเรื่องการแต่งภาพด้วย ถึงจะมีโอกาสที่ดีในงาน Stock Photo
8) ถ่ายในโทนที่สว่างแทนที่จะถ่ายโทนมืดๆ ภาพที่ขายเชิงการค้า ส่วนมากต้องการข้อความเชิงบวก ( positive messages)
microstock_5
9) ไอเดียสำคัญมากๆ หลายคนไม่คิดก่อนว่าจะถ่ายอะไร แค่เดินๆไปรอบๆที่ไหนซักที่แล้วถ่ายมา พยายามหาคอนเซปที่ดีที่ขายได้ในตลาด และวางแผนในทุกขึ้นตอน สถานที่ นางแบบ/นายแบบ ฉากต่างๆ เป็นต้น
10) เจียมตัว อย่าหลอกตัวเองว่ารูปของคุณดีหากมันไม่ได้ดีจริง
เมื่อคุณยอมรับและรู้ถึงฝีมือของตัวเอง คุณก็จะมีโอกาสพัฒนาต่อไปได้
negroni_cover
ลองไปดูรูปของเขากันดูครับ คลิ๊กที่นี่
credits: 500px.com

บทความดีๆ ท่านมองตัวเองอย่างไร?

             สาวชาวไต้หวันผู้หนึ่ง เป็นโรคสมองพิการแต่กำเนิด (cerebral palsy) ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปรกติและพูดไม่ได้ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและศรัทธา เธอสามารถเรียนจบปริญญาเอกจากสหรัฐฯ แล้วแสดงทัศนคติของเธอตามที่ต่างๆ เพื่อให้กำลังใจและช่วยเหลือผู้อื่น ครั้งหนึ่ง เธอไดเรับเชิญไปบรรยายด้วยการเขียน (เธอพูดไม่ได้ต้องใช้วิธีเขียน) หลังบรรยายเสร็จ มีนักเรียนคนหนึ่งตั้งคำถามว่า “คุณอยู่ในสภาพนี้ตั้งแต่เกิด คุณเคยรู้สึกน้อยใจไหม? แล้วท่านมองตัวเองอย่างไร?” คำถามอันละเอียดอ่อนนี้ สร้างความตะลึงแก่ผู้ที่ร่วมฟังบรรยายอย่างมาก ต่างห่วงว่า คำถามนี้จะกระทบความรู้สึกของเธอ ปรากฏว่า เธอหันหน้าไปยังแผ่นกระดาน เขียนตัวหนังสือว่า “ฉันมองดูตัวเองอย่างไร?” เธอหันหน้ายิ้มให้ผู้ร่วมประชุม แล้วเขียนข้อความต่อ 1.ฉันเป็นคนนิสัยน่ารักมาก 2.ฉันมีขาที่เรียวงาม สวยดี 3.คุณพ่อคุณแม่รักฉันจัง 4.พระเจ้า ได้มอบความรักแก่ฉัน 5.ฉันวาดภาพได้ ฉันแต่งหนังสือได้ 6.ฉันมีแมวที่น่ารัก และ…. ขณะนั้น ที่ประชุมเงียบกริบ ไม่มีเสียงพูดจาใดๆ เธอหันกลับมามองดูทุกคน แล้วเขียนคำสรุปบนแผ่นกระดานว่า “ฉันมองแต่สิ่งที่ฉันมี ไม่มองสิ่งที่ฉันขาด” หลังจากนั้น เสียงปรบมือดังสนั่นในห้องบรรยาย พร้อมทั้งน้ำตาที่สะเทือนใจจากหลายๆคน ณ วันนั้น ทัศนคติเชิงสุขนิยมและบทพิสูจน์ของเธอ ได้เพิ่มกำลังใจแก่ผู้คนอย่างมากมาย เธอผู้เป็นโรคสมองพิการนี้คือ น.ส.หวางเหม่ยเหลียน (Huang Meilian) ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตจาก UCLA ผู้เคยจัดนิทรรศการภาพเขียนส่วนตัวหลายครั้งในไต้หวัน “ฉันมองแต่สิ่งที่ฉันมี ไม่มองสิ่งที่ฉันขาด” ฉันชอบทัศนคติต่อชีวิตแบบนี้ ซึ่งถูกหลักสุขภาพจิตและสบายใจด้วย ความสุขไม่ได้อยู่ที่คุณครอบครองสิ่งใดมากแค่ไหน แต่อยู่ที่คุณมีทัศนคติอย่างไรในการมองสิ่งต่างๆ จงหันมามองสิ่งที่ดีในตัวเอง ลืมในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ลืมอดีตที่ผ่านไป มองไปข้างหน้าแล้วทำวันนี้ให้ดีที่สุด

- ที่มา: http://www.kwamru.com/233#sthash.m0pnAceH.dpuf

เรื่องราวต่อไปนี้ ในชีวิตจริงแม้คุณจะไม่ชอบแต่ยังไงก็จะเกิดขึ้น

บางเรื่องคุณอาจเคยประสบมาแล้ว หรือไม่ก็ต้องเจอไม่วันใดก็วันหนึ่ง…
จะดีกว่าไหม ถ้าคุณได้เรียนรู้และเตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะเจอ แถมยังช่วยให้เข้าใจสิ่งที่ต้องเจอได้ดียิ่งขึ้น…

1.เพื่อนจะเข้ามาในชีวิตและจากคุณไปเสมอ…
สังเกตสิคนที่เคยคุย เคยเที่ยวเล่นกันในช่วงเวลาหนึ่งๆ พอย้ายที่เรียนเปลี่ยนที่ทำงาน ก็แยกกันไป ก็จะกลายเป็นเพื่อนเก่าที่ค่อยๆ ห่างกันไป ขณะเดียวกันหน้าเพื่อนใหม่ก็จะเข้ามาแทน มีน้อยที่จะยังติดต่อกันตลอด เช่นเดียวกับเพื่อนที่คุณสนิทในตอนนี้ ก็อาจจะหายไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราจึงไม่ควรยึดติดกับใคร เพราะต่างก็ต้องมีทางเดินของตัวเอง คอยเปิดใจรับมิตรภาพใหม่ๆ ดีกว่า เพราะมีผู้คนที่น่าสนใจอีกมากให้คุณได้รู้จักในทุกๆ ที่ (แต่หากเจอคนดีๆ ก็รักษาไว้นานๆ นะ)
2.สิ่งต่างๆ จะไม่เป็นอย่างที่คุณอยากให้เป็นเสมอ…
คุณเคยไหมที่ มักไม่ได้ในสิ่งที่อยากได้ แต่ดันได้ในสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องการ ไม่มีประโยชน์เลยที่จะเครียดหรือทุกข์ใจ ในเมื่อไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วได้ แต่วิธีที่จะตอบสนองต่อสิ่งนั้นๆ คุณเปลี่ยนได้นะ
3.หลายๆ คนรักคุณ แต่ส่วนมากจะไม่…
ไม่ว่าคุณจะมีชื่อเสียง ชอบการทำบุญ หรือเป็นแค่คนธรรมดา ก็จะมีคนรักคุณแน่ๆ แต่ยังไงก็ต้องมีคนที่ไม่ชอบคุณด้วยเช่นกัน เหตุผลน่ะมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการอิจฉา หรือเพียงเพราะคุณไม่เหมือนเขา ถ้าพวกเขาจะเอาแต่พูดเรื่องคุณ ซึ่งนั่นเป็นปัญหาของพวกเขานะ คุณจึงไม่ต้องใส่ใจ โปรดจงจำไว้ว่าคุณดีในแบบของคุณและนับถือตัวเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องให้ทุกคนชอบคุณ
4.ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนชีวิตของคุณได้ นอกจากตัวของคุณเอง…
คนอื่นแม้จะช่วยเหลือคุณ ก็ได้แค่ระดับหนึ่ง ชีวิตใครก็ต้องคนนั้นแหละที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จงเรียนรู้ที่จะยืนด้วยสองเท้าของตนเอง โดยไม่ต้องใช้คนอื่นๆ เป็นไม้เท้าค้ำยันในชีวิต เพราะพวกเขาไม่ได้อยู่กับคุณไปตลอดชีวิต
5.ความล้มเหลวเกิดขึ้นได้…
ไม่มีใครที่จะประสบความสำเร็จอย่างเดียวหรอก ยังไงก็ต้องเคยล้มเหลวมาก่อน
นอกจากเรียนรู้ความล้มเหลวจากบุคคลอื่นแล้ว ความล้มเหลวของคุณเองนี่แหละ ที่เป็นบทเรียนที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตที่จะสอนคุณ ให้ใช้มันเป็นแรงผลักดันให้คุณประสบความสำเร็จ
6.อาจไม่มีวันพรุ่งนี้…
เราไม่มีทางรู้ล่วงหน้าได้เลยว่าเหตุการณ์ใดๆ จะเกิดขึ้น รถคว่ำ หัวใจวาย อุบัติเหตุ หรือแม้แต่โลกจะแตก มันเป็นไปได้หมด จงเผชิญหน้ากับมันซะ ยังไงวันหนึ่งก็ต้องเป็นวันสุดท้ายของเรา เพราะฉะนั้นในแต่ละวันใช้ชีวิตให้ดีที่สุด ดูแลคนที่คุณรักให้มาก ไม่ต้องกังวลกับเรื่องเล็กน้อย และใช้เวลาทำในสิ่งที่คุณชอบด้วย
7.ใครๆ ก็มีมากกว่าคุณ…
พอมองไปก็จะเห็นแต่คนที่มีอะไรมากกว่าตัวเราทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเงิน ตำแหน่ง หรือเพื่อน แต่รู้ไว้นะว่า แม้เขามี "มากกว่า" ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะมีความสุขกว่านะ อ่านประวัติบุคคลที่มีชื่อเสียงดู พวกเขาน่ะสนุกกับกระบวนการในการได้เงินมากกว่าตัวเงินซะอีก จงโฟกัสไปในสิ่งที่คุณรักดีกว่า เพราะมันจะตามมาด้วยความสุขที่มากกว่า
ชีวิตก็เป็นแบบนี้แหละนะ ถ้าเข้าใจและยอมรับมัน คุณก็จะรู้สึกสนุกกับการใช้ชีวิต…

ชีวิตคือการแบ่งปัน


นักมานุษยวิทยาท่านหนึ่ง ให้เด็กอัฟริกันเผ่าหนึ่งเล่นเกมส์ เขาวางตะกร้าผลไม้ไว้ใกล้ต้นไม้ต้นหนึ่ง และให้พวกเด็กๆ ยืนห่างออกไป 100 เมตร แล้วตะโกนบอกว่า ใครที่มาถึงตะกร้าก่อนจะได้ผลไม้ที่อยู่ในนั้นทั้งหมด
เมื่อเขาบอกว่า เตรียมตัว...วิ่ง!!
คุณรู้มั้ยว่า เด็กเล็กๆ พวกนี้ทำยังไง?
พวกเขาจับกันมือ และวิ่งตรงไปยังต้นไม้ด้วยกัน แล้วแบ่งปันผลไม้กินกันอย่างมีความสุข
เมื่อนักมนุษยวิทยาถามว่า ทำไมพวกเธอถึงทำอย่างนั้น?
พวกเด็กๆ บอกว่า "Ubuntu"'...ซึ่งมีความหมายว่า "เราจะมีความสุขไปได้อย่างไร ถ้าคนอื่นๆ ยังมีความทุกข์"
Ubuntu ในภาษาของพวกเขา มีความหมายว่า "มีฉัน เพราะ มีเรา!!"
เราทุกคนสามารถนำทัศนคติแบบนี้ติดตัวไปได้ทุกหนทุกแห่ง และแผ่ขยายความสุขแบบนี้ไปยังทุกที่ที่เราไปได้...
"ubuntu" นะคะ
Cr : Forward LINE

แอปเปิ้ลช่วยให้ค้นพบส่วนผสมของกล้ามเนื้อแข็งที่แรง

              


             ส่วนประกอบตามธรรมชาติของแอปเปิ้ลเปลือกพบเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อลดลง ในการค้นหาของวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อที่มาพร้อมกับความเจ็บป่วยและอายุนักวิจัยได้ตั้งสารธรรมชาติที่มีแนวโน้มมาก ผลการวิจัยรายงานในฉบับเดือนมิถุนายนของการเผาผลาญของเซลล์ (เซลล์สิ่งพิมพ์กด) ระบุองค์ประกอบตามธรรมชาติของเปลือกแอปเปิ้ลที่รู้จักกันเป็น ursolic กรดเป็นยา newnutritional แนวโน้มสำหรับสภาพอย่างกว้างขวางและทำให้สุขภาพทรุดโทรมที่มีผลต่อเกือบทุกคนในครั้งเดียวหรืออื่น "การสูญเสียกล้ามเนื้อเป็นสหายที่พบบ่อยของการเจ็บป่วยและริ้วรอย" อธิบายนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยไอโอวา, ไอโอวาซิตี "มันยืดโรงพยาบาลกลับคืนและความล่าช้าในบางกรณีป้องกันไม่ให้ผู้ที่กำลังจะกลับบ้าน. มันไม่ได้เป็นที่เข้าใจกันดีและมียามันไม่มี." ทีมวิจัยครั้งแรกมองไปที่สิ่งที่เกิดขึ้นกับกิจกรรมของยีนในกล้ามเนื้อภายใต้เงื่อนไขที่ส่งเสริมการอ่อนตัวลง การศึกษาเหล่านั้นหันมา 63 ยีนที่มีการเปลี่ยนแปลงในการตอบสนองต่อการอดอาหารทั้งในคนและหนูและอีก 29 ที่เปลี่ยนการแสดงออกของพวกเขาในกล้ามเนื้อของคนทั้งสองที่กำลังอดอาหารและผู้ที่มีอาการบาดเจ็บที่เส้นประสาทไขสันหลัง เปรียบเทียบของผู้ที่ลายเซ็นการแสดงออกของยีนลายเซ็นของเซลล์ได้รับการรักษาที่มีมากกว่า 1,300 โมเลกุลขนาดเล็กชีวภาพที่ใช้งานนำพวกเขาไป ursolic กรดเป็นสารที่มีผลกระทบที่อาจรับมือกับบรรดาฝ่อ "ursolic กรดเป็นสารธรรมชาติที่น่าสนใจ" พวกเขากล่าวว่า "มันเป็นส่วนหนึ่งของอาหารปกติเป็นส่วนหนึ่งของเปลือกแอปเปิ้ล. พวกเขามักจะบอกว่าแอปเปิ้ลวันที่ช่วยให้แพทย์ออกไป ... " นักวิจัยต่อไปให้ ursolic กรดวิชาห้องปฏิบัติการอดอาหาร การทดลองเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ากรด ursolic สามารถป้องกันการลดลงของกล้ามเนื้อเป็นที่คาดการณ์ เมื่อกรด ursolic ถูกบันทึกอยู่ในอาหารของคนปกติเป็นระยะเวลาสัปดาห์ที่กล้ามเนื้อของพวกเขาเติบโต ผลกระทบเหล่านั้นถูกตรวจสอบกลับไปส่งสัญญาณอินซูลินเพิ่มขึ้นในกล้ามเนื้อและการแก้ไขในลายเซ็นของยีนที่เชื่อมโยงกับการฝ่อ อาสาสมัครได้รับกรด ursolic ก็กลายเป็น leaner และมีระดับในเลือดต่ำของน้ำตาลกลูโคสคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ผลการวิจัยจึงชี้ให้เห็นว่ากรด ursolic อาจต้องรับผิดชอบสำหรับบางส่วนของผลประโยชน์โดยรวมของการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ "เรารู้ว่าถ้าคุณกินอาหารที่สมดุลเหมือนแม่บอกให้เรากินที่คุณได้รับสารนี้" นักวิจัยกล่าวว่า "คนที่กินอาหารขยะไม่ได้รับนี้". มันยังไม่ชัดเจนว่าผลการวิจัยจะแปลให้กับผู้ป่วยของมนุษย์ แต่เป้าหมายตอนนี้คือการ "คิดว่านี้จะช่วยให้คน." ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเขายังไม่ทราบว่า ursolic กรดที่อยู่ในระดับที่อาจจะมีการบริโภคเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่อาจจะปกติหรืออาจจะไม่เพียงพอ

วิธีการกำจัดกระรอกจากห้องใต้หลังคา

           

            หนึ่งในเพื่อนบ้านที่มีเสียงดังที่คุณเคยได้มีมีกระรอกและถ้าคุณเคยได้แทรกซึมเข้าไปในห้องใต้หลังคาแล้วของคุณแล้วคุณจะต้องรู้เรื่องนี้ดีมากเกินไป สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ทำให้แร็กเกตเช่นอึกทึกแม้จะมีความจริงที่ว่าพวกเขามีความโลภเช่น chewers ทำให้พวกเขาบางส่วนของศัตรูพืชทำลายที่เลวร้ายที่สุดในห้องใต้หลังคาใด ๆ บทความข้างล่างนี้โดย http://nuisancewildlife.ca แสดงให้คุณเห็นบางความคิดพื้นฐานในการกำจัดกระรอกจากห้องใต้หลังคาของคุณ มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะรู้ว่าหนูเหล่านี้ทิ้งกลิ่นที่แข็งแกร่งที่เมื่อเวลาผ่านไปมีแนวโน้มที่จะดึงดูดกระรอกอื่น ๆ นอกจากนี้พวกเขาออกจากปัสสาวะและมูลในห้องใต้หลังคาซึ่งสามารถเป็นอันตรายต่อสุขภาพเมื่อไม่ได้รับการดูแล คุณจะต้องเก็บไว้ในห้องใต้หลังคาของคุณสะอาดทุกครั้งและเอาสิ่งที่อาจดึงดูดพวกเขากลับมา ให้แน่ใจว่าคุณตรวจสอบทุกจุดเข้ารวมทั้งรอยแตกและหลุมในปล่องไฟและหลังคา เมื่อคุณรู้ว่าจุดที่ใช้กับดักตาข่ายลวดในการปิดผนึกพื้นที่ ใช้เหยื่อสดการจับภาพสิ่งมีชีวิตและให้แน่ใจว่ารังของพวกเขาเป็นที่ว่างเปล่าและไม่ได้มีกระรอกทารก ในกรณีที่มีกระรอกเด็กย้ายไปยังสวนรั้วเดียวกับที่พวกเขาไม่สามารถหนีกลับไปที่ห้องใต้หลังคา สิ่งมีชีวิตเหล่านี้กลัวกลิ่นของแอมโมเนีย คุณสามารถลองเปียกผ้าด้วยแอมโมเนียและสเปรย์ไปรอบ ๆ พื้นที่ที่รบกวนหรือจุดเริ่มต้น พวกเขามีความรู้สึกที่สูงของกลิ่นแอมโมเนียและแน่ใจว่าจะขับรถออกไป นอกจากนี้การฉีดพ่นปัสสาวะสุนัขจิ้งจอกในจุดเข้ายังให้พวกเขาออกห้องใต้หลังคาของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเก็บศัตรูพืชเหล่านี้ออกจากห้องใต้หลังคาของคุณให้ดีโทรผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมสัตว์ที่จะจับและย้ายพวกเขา คุณสามารถเช่ากับดักศัตรูพืชจากผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้และนำพวกเขาใกล้เคียงกับที่พวกเขาอาศัยอยู่จะจับพวกเขาได้อย่างง่ายดาย เนยถั่วลิสงยังจะทำงานได้ดีในดึงดูดสัตว์เข้าไปในเหยื่อของคุณ เหล่านี้ง่ายวิธีการกำจัดกระรอกเคล็ดลับจากห้องใต้หลังคาของคุณคุณสามารถมั่นใจได้ว่าจะชนะในสงครามในเวลาเพียงเรื่องของเวลา